หากลองเปิดปฏิทินของปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อดูเหตุการณ์สำคัญที่ถูกเขียนไว้ในแต่ละช่องสี่เหลี่ยมใต้วันที่ดูแล้วล่ะก็ จะพบว่าตรงวันช่องของวันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีคำว่า ‘ปลดล็อคกัญชา-กัญชงประเทศไทย’ ถูกเขียนเอาไว้อยู่ตรงนั้นด้วย
เล่าถึงจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการปลดล็อคกันสักเล็กน้อย เรื่องเริ่มต้นในตอนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เสนอมติปลดล็อคกัญชาออกจากกลุ่มยาเสพติดให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จนเกิดมติเห็นชอบ พร้อมส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจนนำมาสู่การการถอดกัญชา-กัญชงออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ในที่สุด หลังจากที่เหล่ากัญชาชนเฝ้ารอมานานแสนนาน
แต่ถึงจะใช้คำว่า ‘ปลดล็อค’ ก็ยังมีข้อกฎหมายในการควบคุมกัญชาที่ต้องรู้และปฎิบัติตามกันอยู่นะ เราได้รวบรวมข้อควรระวังกับสิ่งที่ทำได้และไม่ได้สำหรับคนที่ต้องการใช้พืชชนิดนี้เพื่อสันทนาการ และต้องการจำหน่ายมาไว้ให้แล้ว
** เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับสารสกัดในตัวกัญชา **
Tetrahydrocannabinol (THC) : บ้างเรียกว่า ‘สารเมา’ THC คือสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ที่ทำงานกับจิตประสาทของคน เป็นตัวที่สร้างความเคลิบเคลิ้มในอาการ High แต่ถ้าใช้ในปริมาณมากเกินไปก่ออาจทำให้เกิดผลเสียได้อย่างหลากหลาย ทั้งรู้สึกระแวงรอบตัว แพนิคกับสิ่งรอบข้าง มากถึงเห็นภาพหลอนหรือหูแว่ว อีกทั้งยังทำให้ลืมความทรงจำไปชั่วขณะได้เหมือนกัน
Cannabidiol (CBD) : สารที่ออกฤทธิ์ระงับประสาท ในทางการแพทย์นิยมเอามาใช้เพื่อลดความเครียดหรืออาการวิตกกังวลต่าง ๆ เพื่อทำให้คนไข้เกิดความผ่อนคลาย ใช้ถึงขนาดว่าเป็นยาลดอาการปวดของกล้ามเนื้อและทำให้นอนหลับดีขึ้นด้วย CBD จะไม่มีผลต่อจิตประสาทและไม่ทำให้เกิดการเสพติด
สิ่งที่ ‘ทำได้’ และ ‘ไม่ได้’ รู้ไว้ด้วยกัญ
สารสกัด Tetrahydrocannabinol (THC) : การใช้สารสกัดกัญชา-กัญชงที่เกิน 0.2% จะถือว่าผิดกฎหมาย และเราสามารถใช้สารสกัดกัญชาและกัญชงเฉพาะที่ปลูกภายในประเทศเท่านั้น หากว่าต้องการสกัดสารกัญชา-กัญชงเพื่อให้ได้ THC เอาไปจำหน่ายด้วยตัวเอง จำเป็นที่จะต้องแจ้งขออนุญาตผลิตสกัดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดจาก อย. เสียก่อน
ไม่สามารถนำเข้า ‘สารสกัด’ จากต่างประเทศได้ : แต่จะยกเว้นให้เฉพาะหากทำเพื่อเป็นการศึกษาวิจัย โดยจะต้องเป็นหน่วยงานรัฐที่ทำเรื่องขอเพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อการแพทย์ แล้วต้องขออนุญาตตามประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วยนะ
การจำหน่าย ‘สารสกัด’ : การทำสิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายเหมือนกัน และต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันคือ THC จะต้องไม่เกิน 0.2% เท่านั้น
การนำเข้า ‘ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพืช’ : ต้องขออนุญาตก่อนเท่านั้น และการที่จะจำหน่ายได้หรือไม่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ด้วยอีกทีหนึ่ง
การใช้กัญชา–กัญชงประกอบอาหาร : ทุกคนสามารถประกอบอาหารจำหน่ายโดยมีกัญชาและกัญชงเป็นส่วนประกอบได้เลย แต่ต้องใช้ส่วนของพืชที่กำหนดตามประกาศของสาธารณะสุขเท่านั้น จะประกอบไปด้วยโปรตีนจากเมล็ดกัญชง / ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้เปลือก / น้ำมันจากเมล็ดกัญชง / ลำต้น / เส้นใย / กิ่งก้าน / รากและใบ ซึ่งจะไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการใช้ประโยชน์จากสารสกัด CBD

สุดยอดพันธุ์กัญชาไทยที่ดังไกลถึงระดับโลก
ในวันที่กัญชาปลดล็อคแล้วแน่นอนว่าคำถามต่อมาคือ “มีสายพันธุ์ไหนน่าสนใจบ้าง” คำตอบนี้เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงสายพันธุ์จากต่างประเทศที่ดูแลโดยฟาร์มในอเมริกา หรือมีรางวัลการันตีว่ามาจากค่ายปลูกชื่อดัง เพราะในประเทศไทยเองก็มีกัญชาพันธุ์เด็ดที่ทั่วโลกต่างยอมรับอยู่เหมือนกันล่ะ
ต้องเล่าอย่างนี้ ความเป็นเอกลักษณ์ของกัญชาจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แต่กำเนิดของพวกเขาด้วย เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า สายพันธุ์ซาติว่า (Sativa) / สายพันธุ์อินดิกา (Indica) หรือ สายพันธุ์ไฮบริด (Hybrid) กันอยู่บ่อย ๆ จะบอกว่าบอกโดยส่วนมากกัญชาพันธุ์ไทยนั้นจะเป็นสายพันธุ์ประเภทซาติว่าแทบจะทั้งหมด ด้วยความเป็นซาติว่าที่ทนต่อเขตร้อนของไทยนั่นเอง ว่าแต่ว่าสายพันธุ์นี้มันคืออะไรกันล่ะ ?
คือกัญชาที่มาจากโซนเขตร้อนโดยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศที่อยู่แถบเส้นศูนย์สูตรอย่างเม็กซิโก โคลัมเบีย ตอนกลางของทวีปแอฟริกาและภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (คำว่า Sativa เป็นภาษาละตินที่หมายถึงการเพาะปลูก) ว่ากันด้วยสาร THC ของพันธุ์นี้จะค่อนข้างออกฤทธิ์ที่แรงกว่าสายพันธุ์อินดิกาที่ใช้เพื่อความผ่อนคลาย เอฟเฟกต์ของซาติว่าจึงเหมาะกับคนที่ต้องการ Active Time ปลุกเร้าความไฮป์เพื่อทำกิจกรรมที่สนุกสนานมากกว่าเพลิน ๆ ไปใจล่องลอยอะไรอย่างนั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังประเทศไทยปลดล็อคกัญชา-กัญชงแล้ว ก็มีหน่วยงานขอยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ท้องถิ่น ทั้งเพื่อการเพาะพันธุ์และเพื่อการจำหน่ายมากมายเต็มไปหมด และในกว่าเป็นร้อยเป็นพันธุ์นั้น มี 4 พันธุ์กัญชาไทยที่ได้รับการจดทะเบียนรับรอง แถมยังเป็นที่ยอดนิยมแบบสุด ๆ ซึ่งพันธุ์เหล่านี้ต่างเต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของพันธ์ุกัญชาไทยที่ THC ค่อนข้างสูงกันทั้งนั้น
ที่สุดของความยอดนิยมที่รู้จักกันในระดับโกลบอลด้วยชื่อ Thai Stick นี่คือสายพันธุ์กัญชาที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยยุคสงครามเวียดนาม (2498-2518) และหลาย ๆ เสียงบอกว่านี่คือพันธุ์กัญชาที่ดีที่สุดในโลก ! เอกลักษณ์ของความเป็นพืชตัวนี้คือมีความเป็นแท่งคล้ายไม้ เอฟเฟกต์คือการทำให้คลายความเครียด เคลิบเคลิ้ม และเจริญอาหาร (ศัพท์ในวงการเรียกสายหิวเหล่านี้ว่า Munchies) แถมยังมีค่า THC ที่สูงถึง 18-22% เลยทีเดียว
ความสวยงามในความเป็นพืชของตะนาวศรีคือมีลักษณะช่อดอกกระจุกเป็นจำนวนมากอยู่ที่ปลายกิ่ง ทรงของลำต้นมีลักษณะเป็นพุ่ม ในด้านกลิ่นคือให้ความหอมคล้ายกับเปลือกส้มผสมกลิ่นตะไคร้ จึงทำให้มีความฉุนเล็กน้อยในควันที่ลอยออกมา
รูปลักษณ์ของตะนาวศรีก้านแดงจะค่อนข้างคล้ายกับตัวก้านขาวที่พูดถึงไปก่อนหน้า มีช่อดอกเยอะและกระจุกตรงปลายกิ่งเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้จำแนกได้ว่าแตกต่างกันคือความเป็นกิ่งก้านใบสีแดง เอฟเฟกต์ของสายพันธุ์นี้คือส่งกลิ่นหอมหวานคล้ายกับกลิ่นของผลไม้ที่สุกงอม มาพร้อมกับเปอร์เซ็นต์ของสาร CBD ที่ค่อนข้างสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในวันที่ต้องการความเบาสบาย
นี่คือเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในแบบกัญชาไทย สายพันธุ์หางเสือจะมีช่อดอกที่ยาวตามชื่อ ในด้านของกลิ่นก็จะคล้าย ๆ กับตัวตะนาวศรีก้านขาวที่มีความฉุนคล้ายกับเปลือกส้ม

รวม 6 เรื่องต้องรู้สำหรับนักปลูกมือใหม่ ปลูกยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย
เธอก็เป็น Grower ได้นะไม่ใช่คำที่เกินจริงไปเลย แม้ในวันที่กัญชา-กัญชงในประเทศไทยปลดล็อคมาเป็นเวลาปีกว่า ๆ แต่จะเริ่มต้นเรียนรู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะการปลูกกัญชาไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อการค้าขายเสมอไป แต่มันคือศิลปะของการฮีลจิตใจผ่านความประณีตที่ไม่ต่างกับการปลูกต้นไม้อื่น ๆ เลย กัญชาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในพืชที่ปลูกยากที่สุดในโลก เพราะความออ่นไหวที่มีผลแบบเป็นหลักชั่วโมงเห็นผล ให้แสงน้อย-แสงมาก ชนิดของดินที่ปลูก ปริมาณน้ำที่ลก ภูมิอากาศ ทุกอย่างล้วนมีผลต่อการเติบโตของกัญชา (อย่างรวดเร็ว) ทั้งสิ้น
แต่ก่อนจะเริ่มปลูกพืชใบแฉกต้นแรกเป็นของตัวเอง เราได้รวบรวม 6 วิธีปลูกกัญชาให้ถูกกฎหมายที่มือใหม่ต้องรู้
1.สามารถปลูกกัญชา-กัญชงในครัวเรือนได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่จำเป็นที่จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ‘ปลูกกัญ’ (มีทั้งใน Apple Store และ Play Store) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข
2.การแจ้งจำนวนต้นในการปลูกกัญชานั้นปัจจุบันยังไม่มีการระบุชัดเจน (บางแหล่งบอกว่าอยู่ที่ 10-20 ต้น)
3.ต้องระบุจุดประสงค์ให้ชัดเจนในขั้นตอนการลงทะเบียน หากว่าต้องการขายต้นกัญชา
4.การขาย ‘เมล็ดพันธุ์และกิ่ง’ จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. พันธุ์พืช
5.การขาย ‘ส่วนของพืช’ สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตกฎหมายยาเสพติด
6.สูบกัญชาได้ไม่ผิด แต่ถ้าเลือกสูบในที่สาธารณะจนทำให้คนอื่นเกิดความเดือดร้อน อันนี้จะมีความผิดตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน และปรับไม่เกิน 25,000 บาท
ปลูกกัญชาเบื้องต้น เริ่มตั้งแต่คัดเลือกเมล็ดไปจนถึงตัดผลิตผล มีอะไรที่ต้องเตรียมบ้าง
ขึ้นชื่อว่าเป็นกิจกรรมของการปลูกพืชที่ละเอียดอ่อนที่สุดในโลก ก็ต้องบอกว่ากัญชาเป็นพืชที่มีวิธีการปลูกที่ค่อนข้างข้อมูลเยอะ ใช้เทคนิคหลากหลายตามแต่ละคนถนัด รวมถึงการดูแลให้ได้ผลผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีจำนวนเยอะก็ต่างกันอีก แต่เราจะมาบอกวิธีปลูกกัญชาแบบเบื้องต้น ผ่านอุปกรณ์การปลูกที่ Grower มือใหม่ต้องมีไปพร้อมกัน
สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนเลยคือเมล็ดกัญชามี ‘เพศเมีย’ กับ ‘เพศผู้’ และเราไม่สามารถดูได้ด้วยตัวเองว่าเป็นเพศไหน วิธีการตัดปัญหาคือต้องเลือกต้นทางจากฟาร์มที่มีมาตราฐานเท่านั้น และต้องเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์ ซึ่งเราจะใช้เมล็ดเพศเมียเท่านั้น เพราะว่าเมล็ดเพศผู้ไม่สามารถทำดอกได้นั่นเอง
การเลือกดินที่ถูกต้องมีผลกับคุณภาพของกัญชามาก เพราะฉะนั้นในวงการจึงนิยมใช้ พีทมอส (Peat Moss) อันเป็นสิ่งที่คล้ายกับดินแต่จะสะอาดยิ่งกว่าแถมไม่มีแมลงอันเป็นศัตรูพืชที่เราไม่ต้องการอีกด้วย บางสูตรก็จะใช้พีทมอสผสมกับสารอาหาร เพอร์ไลต์ (Perlite) มันคือหินที่ถูกเผา จะมีน้ำหนักที่เบาซึ่งช่วยให้ดินเข้าสู่อากาศได้เป็นอย่างดี เมื่อมีสมการที่ดีของทั้ง 2 อย่างนี้ ในขั้นตอนของการเพาะเมล็ดก็จะเติบโตได้เป็นอย่างดี
กระถางต้องเตรียมเอาไว้ 2 แบบ คือ กระถางสำหรับปลูกในช่วงอนุบาลเพาะเมล็ดเพื่อให้เมล็ดแตกก้านทำใบออกไปทำดอกอีกที ซึ่งเราอาจจะใช้เป็นแก้วพลาสติกใสก่อนก็ได้เหมือนกัน ส่วนกระถางที่สองนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการทำใบและทำดอกเพื่อทำผลผลิต เคล็ดลับของการดูว่าเมื่อไหร่ควรย้ายกระถางได้แล้ว ให้สังเกตดูว่ารากของเมล็ดตอนอยู่ในกระถางแรกกระจายเต็มถึงก้นแก้วรึยัง นั่นล่ะคือเวลาที่สมควรแล้วให้ย้ายกระถางได้เลย หลังจากนั้นก็ให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อน้ำกระจายไปถึงก้นกระถางแทรกถึงรากทั้งหมด ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นการเข้าสู่ช่วงทำดอกของต้นกัญชา ที่จะใช้การปรับแสงให้พอเหมาะเป็นหลักสำคัญ
ข้ามมาที่ช่วงของขั้นตอนสุดท้ายเมื่อกัญชาทำดอกจนเราพอใจแล้ว หลังจากเก็บผลผลิตมาตากแห้งเป็นพวง ขั้นตอนก่อนสุดท้ายคือการตกแต่งผลผลิตให้สวยงาม ตัดขอบใบ / ใบเลี้ยง / ตัดส่วนของใบที่ไม่ติด Trichomes (ส่วนที่เก็บสาร THC หรือ CBD ของกัญชา) ทิ้งไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการ Trim สิ่งที่จำเป็นต่อขั้นตอนนี้ก็คือ SABOTEN (Japan) กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ขนาดเล็กที่ดีไซน์ที่จับเหมาะกับสรีระมือ ใบมีดคมเฉียบ ทำให้ถนอมกิ่ง ถนอมใบ ต้นไม้ไม่ช้ำเวลาตัด ทำด้วยวัสดุมาตรฐานเหล็กกล้า ตัดฉับเดียวต้องขาดคม ซึ่งการเลือกใช้กรรไกรในการ Trim นั้น ให้เป็นกรรไกรที่อยู่ในระดับเดียวกับใช้ตัดแต่งไม้แห่งศิลปะอย่างบอนไซได้ก็จะดีมาก ที่สำคัญเลยต้องมีตัวล็อคเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการบ่มกัญชาเอาไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่โดนแสงก็เป็นอันเรียบร้อย
ภาพของความเป็นกัญชาถ้าเรานับจุดสตาร์ทความเป็นวัฒนธรรมโดยเริ่มต้นจากการปักหมุดวัน 402 ของ The Waldos แก๊งเพื่อนที่รวมตัวกันเพื่อมิตรภาพโดยมีพืชใบแฉกเป็นองค์ประกอบแล้วล่ะก็ เราจะพบว่าการมีอยู่ของกัญชาเองก็มีสิ่งที่เรียกว่าดีเหมือนกัน หากเราเลือกใช้อย่างมีสติ พร้อมกับรู้ว่าจุดประสงค์นั้นไม่ได้เพื่อไปทำลายตัวเองหรือว่าทำร้ายคนรอบข้าง
ไม่ว่าคุณจะปลูกกัญชาเป็นต้นแรกในฐานะ Grower มือใหม่ หรือว่าปลูกเพื่อทำการค้ามาโดยตลอด ความสุขที่มาจากพืชชนิดนี้ในการได้ดูแลตั้งแต่ตอนปลูก ได้ค่อย ๆ เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ประคบประหงมจนเห็นผล ก็เป็นความสุขที่มีอะไรมากกว่าความเมาเเน่นอน