จัดสวนฉบับมือใหม่ ทำยังให้ดูโปร !

จัดสวนฉบับมือใหม่ ทำยังให้ดูโปร !

ทุกครั้งที่เราเห็นการจัดสวนของใครสักคนไม่ว่าจะในชีวิตจริง อ่านจากวรรณกรรม หรือเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ และไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้หรือต้นไม้แบบไหน ความรู้สึกสบายใจจะถูกตีฟุ้งเข้ามาอยู่ในความรู้สึกเสมอ

“ทำไมสวนอันเป็นที่อยู่ของเหล่าดอกไม้และต้นไม้หลากพันธุ์ถึงทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น?”

ถ้าพูดถึงในแง่ของวิทยาศาสตร์  ในดินมีแบคทีเรียที่เรียกว่า Mycobacterium Vaccae ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้เราเครียดและช่วยคลายความวิตกกังวลได้ พร้อม ๆ กับช่วยกระตุ้นสารแห่งความสุขออกมา แต่ถ้าพูดในแง่ของความสุนทรีย์ ดอกไม้และต้นไม้ก็เป็นสิ่งที่สวยงาม และสามารถแทนความหมายหลากหลายในตัวของมันเอง 

เท่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลมากพอว่าทำไมเราควรลองทำสวนด้วยตัวเองดูสักครั้ง แต่ถ้าใครที่เป็นมือใหม่ผู้อยากจัดสวนให้ถูกใจตัวเองบ้างล่ะก็ มาอ่านเทคนิคมากมายที่เรารวมมาให้ในบทความนี้ได้เลย

ปี 2023 สวนที่ทุกคนใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

ปี 2023 สวนที่ทุกคนใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

 

ความนิยมของการจัดสวนที่บ้านในปี 2023 คือเทรนด์ที่เรียกว่า ‘สวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmentally Healthy Gardens)’ อยู่ในหมวดเดียวกับ Sustainable Trend ที่ทั่วโลกได้หันกลับมามองอย่างจริงจัง แต่ต้องบอกว่าการจัดสวนเพื่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีขึ้นเพื่อเป็นเทรนด์เท่านั้น สื่อว่าด้วยการจัดสวนหลาย ๆ แห่งบอกว่า “เราทำสิ่งนี้เพราะต้องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริง ๆ” โดยโฟกัสเน้นไปที่เรื่องของโครงสร้างในการออกแบบ ให้มนุษย์กับธรรมชาติได้มีปฎิสัมพันธ์ร่วมกันมากขึ้น เป็น Outdoor Living Spaces สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางสวนได้จริง และกลายเป็นที่พักผ่อน ที่สูดหายใจได้เต็มปอด รวมถึงได้ใช้ทำกิจกรรมกับคนรัก 

การจัดสวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นกระบวนการตั้งแต่เลือกใช้อุปกรณ์ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุไม่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือการใช้สิ่งที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง (Upcycling) และในส่วนของต้นไม้กับดอกไม้ก็จะเน้นปลูกพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ เพื่อลดการใช้น้ำ การใช้สารเคมีในการปลูกนั่นเอง

หน้าตาของสวนในปีนี้จะเป็นสีของพันธ์ไม้ที่ออกไปทาง Darker Shade อย่างสีม่วง มาพร้อม ๆ กับความ Colorful โดยการเลือกปลูกดอกไม้จากสี Pantone ประจำปี 2023 อย่าง Viva Magenta ที่มีความหมายว่า กล้าหาญและไม่กลัวสิ่งใด (Brave & Fearless) ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสร้างความสดใสให้สวนไม่น้อยเหมือนกัน

รวม 7 เคล็ดลับที่นักปลูกทุกคนต้องรู้

รวม 7 เคล็ดลับที่นักปลูกทุกคนต้องรู้

ถ้าพูดถึงรูปแบบการแต่งสวนในปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่ามันหลากหลายมากเสียจนยก 2 มือขึ้นมานับก็ไม่ครบ แล้วแต่ละสไตล์คือยูนีคสุด ๆ ตอบโจทย์ทั้งรสนิยมความชอบในดอกไม้ต้นไม้ ตอบโจทย์กับภูมิประเทศในการปลูก รวมถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่าแค่เริ่องความสวยงาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้ลองหาสไตล์ที่ตัวเองชอบให้เจอก่อนจะลงมือปลูก ถ้ายังไม่แน่ใจ เราก็ได้หยิบยกสไตล์เก๋ ๆ ที่ปี 2023 เขาฮิตปลูกกันส่วนหนึ่งมาเป็นแนวทางให้ทุกคนไว้แล้ว 

  • สวนเซนญี่ปุ่น (Zen Garden) : หรือรู้จักกันในชื่อ Karesansui 枯山水 เป็นสวนแบบดั้งเดิมในสไตล์ Dry Landscape เหมาะสำหรับคนชอบความมินิมอล เน้นให้เห็นภูมิทัศน์ที่สบายตา มีองค์ประกอบของหิน กรวด ทราย และไม้ การเลือกพันธ์ไม้เพื่อปลูกในสวนเซนญี่ปุ่นนั้น จะเลือกเพื่อเป็นตัวประกอบให้เข้ากับแลนสเคปที่สบายตามีชีวิตชีวาขึ้น จะไม่ได้มาในลักษณะของการบดบังทัศนวิสัย แน่นอนว่าจะมีต้นบอนไซ ต้นเมเปิลญี่ปุ่น ต้นไผ่ รวมถึงเฟิร์นและมอส เป็นสวนที่ให้ความสงบแบบนิกายเซน
  • สวนบาหลี (Balinese Garden) : หนึ่งในสวนแบบ Tropical Garden ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ สำหรับผู้หลงใหลในพืชเมืองร้อนอย่างไม้น้ำ เฮลิโคเนีย ขิงแดง หรือลั่นทม และเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวบาหลีมีความสัมพันธ์กับศาสนา จึงมีการใช้การตกแต่งด้วยรูปปั้นของเทวดาหรือสัตว์รอบ ๆ สวน ให้กลิ่นอายความหลงใหลที่ชวนค้นหามาก ๆ เป็นสวนของคนที่ชอบหาของเก่ามาตกแต่งคู่กับต้นไม้ดอกไม้
  • สวนโมรอคโค (Moroccan Garden) : สวนที่เต็มไปด้วยความมีสีสันเล่นกับสถาปัตยกรรมสีกำแพงของพื้นที่ ความยูนีคที่ทำให้สวนของโมรอคโคแตกต่างจากแบบอื่นคือการใช้กระเบื้องในการตกแต่งสวน ไม่ว่าจะกระเบื้องที่กำแพงหรือที่พื้น และเน้นปลูกพืชเขตร้อนที่มีใบใหญ่ในสวน ต้นปาล์มที่มีใบใหญ่ ๆ หรือต้นมะกอก

ในส่วนของข้อนี้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเริ่มที่ ‘กำหนดจุดประสงค์ในการปลูก’ กันก่อน เพราะว่าสวนสไตล์ต่าง ๆ ต้องการพื้นที่ในการปลูกต่างกันออกไป ทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าใจก่อนว่าสไตล์สวนแบบที่เราอยากปลูกนั้นต้องใช้พื้นที่เท่าไหร่และใช้พื้นที่อย่างไรบ้าง เช่น หากต้องการทำเป็นสวนดอกไม้จริงจัง ก็ต้องพิจารณาประเภทของดอกไม้ที่สามารถปลูกใกล้กันได้ และเผื่อพื้นที่ให้ดอกที่ต้องการพื้นที่เป็นพิเศษ ดูไปถึงว่าแดดตกตรงไหน โซนที่ร่มอยู่ตรงไหน แล้วถ้าถามว่ามีสูตรตายตัวเป็นตัวเลขตารางฟุตที่ใช้กับทุกสวนได้มั้ย คำตอบคือ ‘ยาก’ เพราะพื้นที่ที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ เราอาจจะเริ่มต้นที่ 100-200 ตารางฟุตก่อน หรือตะลุยปลูกกว้างขวาง 500 ตารางฟุต ก็ได้หมดถ้าเข้าใจสไตล์สวนของตัวเองดีพอ

เพราะว่าการทำสวนไม่ว่าจะทั้งเพื่องานอดิเรกหรือว่าทำเป็นรายได้ ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องเป็นระยะยาว ว่ากันด้วยมือใหม่ที่ลงแปลงครั้งแรก ค่าใช้จ่ายก็จะเกิดตั้งแต่อุปกรณ์อย่างแปลงพรวนดิน กระถางต้นไม้ หิน กรวดทราย ปุ๋ย ของตกแต่งอย่างพวกรูปปั้น ตุ๊กตาดินเผา นี่ยังไม่นับว่าถ้าอยากทำบ่อน้ำหรือน้ำพุอีกนะ ไหนจะค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นอีก การวางงบประมาณทั้งเพื่อใช้เติมเต็มในวันที่อนาคตอยากลงเมล็ดใหม่เพิ่มหรือขยับอุปกรณ์ที่ดีกว่าเพื่อสร้างคุณภาพให้สวนของเราก็เป็นสิ่งจำเป็น

ถึงทุกคนที่มีความคิดอยากให้สวนของตัวเองมีความเป็นสวนแบบ Hard Landscape ให้พื้นที่บ้านกับสวนกลืนเข้าหากัน เช่น ทำทางเดินแบบสวนสไตล์อังกฤษ ปูกระเบื้องแบบสวนโมรอคโค หรือสวนแบบโมเดิร์นที่มีการปูพื้นไม้ สิ่งที่ควรระวังคือ การเลือกวัสดุซึ่งไปได้ดีกับหน้าดินที่ปูเอาไว้แล้ว ต้องดูว่าหน้าดินจะรองรับน้ำหนักได้มั้ย รวมถึงกระเบื้องต้องสามารถรับน้ำหนักได้ดีเพื่อไม่ให้แตกร้าวในภายหลังจากใช้ไปนาน ๆ วัสดุพื้นทางเดินที่นิยมสำหรับปูในสวนจะประกอบไปด้วย บล็อกค็อบเบิ้ลสโตน, พื้นหินแกรนิตลูกเต๋า เป็นต้น

ขั้นตอนนี้คือส่วนสำคัญมากที่สุดข้อหนึ่งในการทำสวน เพราะดินที่ไม่ดีปลูกอะไรก็ลำบาก และการเตรียมดินโดยที่ไม่เข้าใจดีพอก็อาจมีผลเสียต่อบ้านตามมามากมายด้วยเหมือนกัน

‘เริ่มสำรวจสภาพของดินเดิมก่อน’ ก่อนจะเริ่มต้นปลูกให้เราส่งตัวอย่างของดินที่จะปลูกไปทดสอบเพื่อหาค่าความอุดมสมบูรณ์ก่อน ลักษณะโครงสร้างดินเป็นอย่างไร ระดับความเป็นกรดและด่างเป็นอย่างไรบ้าง เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการปรับปรุงดินในสวน และมีผลถึงตัวต้นไม้ดอกไม้ที่เราจะปลูกด้วย และถ้าจะลงดินใหม่ก็ควรจัดการกับวัชพืชให้หมด ในส่วนของขั้นตอนกับปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกแบบเบื้องต้น ผสมดินร่วน กาบมะพร้าวสับ ใช้ปุ๋ยคอก/ทราย ทำให้มีการระบายน้ำได้ดี ระหว่างที่ขุดดินก็ระวังเรื่องของท่อน้ำที่ฝังเอาไว้ด้วยล่ะ

การเลือกลงพันธุ์ไม้ที่จะปลูกในสวนสามารถคิดได้หลายแบบ เช่น สไตล์ของสวน, เฉดสีของสวน, ความเหมาะสมของพื้นที่ แต่ ! ขอเน้นย้ำเลยว่าความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเราทำการบ้านมาแล้วว่าปลูกยังไงให้รอด รู้ว่าต้นนี้ต้องการแสงแดดอาบ ต้นไม้ต้นนี้ต้องการกินน้ำที่มากกว่าปกติ ความสวยงามก็เป็นเรื่องของรสนิยมไม่มีผิดไม่มีถูก

นี่คือสิ่งที่เรามักได้ยินและเห็นกันบ่อย ๆ และหลายคนมีคำถามกับสิ่งนี้ ทำไมฉันถึงปลูกต้นไม้ตายตลอด หรือ ทำไมคนนั้นมือดีปลูกอะไรก็รอดงอกงามทุกครั้ง เคล็ดลับของข้อนี้คือความใส่ใจดูแลสวนในทุกวันยังไงล่ะ เซ็ทตารางกิจวัตรที่ต้องรดน้ำต้นไม้ โดยลงรายละเอียดถึงสภาพอากาศในวันที่ฝนตกและแดดออกจัด ๆ เพื่อปรับตัวตามวันเหล่านั้น โดยมีการใส่ปุ๋ยอยู่เป็นประจำควบคู่ไปด้วย

การตัดแต่งกิ่งไม้เองก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจ สวนจะสวยได้อย่างไรถ้าไม่มีกรรไกรแต่งกิ่งไม้คุณภาพดี อยากให้ลอง SABOTEN กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ส่งตรงจากญี่ปุ่นของ KUDOS ที่ทั้งนักทำสวนมือใหม่และมือเก๋าควรมีติดตัวทุกครั้งที่ลงสวน ด้วยใบมีดที่ทำจากเหล็กกล้า SKS ผ่านการชุบแข็งด้วยฮาร์ดโครมตัดฉับเดียวเอาอยู่ สามารถหนีบหรือล็อคดอกไม้ กิ่งไม้ ไม่ให้ร่วงหล่นสะดวกต่อการใช้งานสุด ๆ พร้อมดีไซน์ด้ามจับหุ้มยางวัสดุ ABS คุณภาพสูงที่ทั้งแข็งแรงและทนความร้อนได้ดี จับง่าย น้ำหนักเบา กระชับมือสุด ๆ ไปเลย

ไม่ว่าจะ หว่านปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำต้นไม้ การทำสวนให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด

การทำสวนให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด

 

กลับมาที่คำถามว่าแล้วการทำสวนให้ประโยชน์อะไรกับเรา คำตอบคือเยอะแยะไปหมด ทั้งต่อร่างกาย จิตใจ สิ่งแวดล้อม และคนรอบข้างเลย

  • ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น : เมื่อมีพื้นที่สีเขียวหรือธรรมชาติรายล้อมตัว ข้อดีอย่างแรกโดยเฉพาะกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองคือการได้รับความผ่อนคลาย ลดอาการวิตกกังวลให้น้อยลง งานวิจัยบางตัวบอกว่าการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้อีกต่างหาก
  • มอบอากาศสดชื่นอีกครั้ง : หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของการปลูกต้นไม้คือสร้างอากาศที่สะอาดช่วยลดมลพิษให้โลกนี่ล่ะ ไม่ว่าจะปลูกปาล์มไผ่เพื่อจัดการกับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ หรือปลูกหมากเหลืองเพื่อจัดการกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือต้นอื่นๆ อีกมาหมายที่ช่วยฟอกอากาศให้เรา
  • เปลี่ยนพื้นที่บ้านเป็นพื้นที่ใช้ชีวิต : อย่างที่เล่าเรื่อง Outdoor Living Spaces ให้ฟังในตอนต้น การทำสวนของปีนี้คือการสร้างพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่มากขึ้น จะนอนอ่านหนังสือในสวน ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว หรือแชร์เป็นพื้นที่ให้ได้พบปะกับเพื่อนบ้าน ล้วนทำให้ชุมชนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากกว่าแต่ก่อน
  • สวนแห่งแรงบันดาลใจและปลดล็อคความคิดสร้างสรรค์ : นอกจากที่การทำสวนจะเป็นเหมือนการทำสมาธิกลาย ๆ แล้ว ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยในการปลดล็อคความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เพราะการทำสวนคืองานของการดีไซน์พื้นที่และการแก้ปัญหาให้กับธรรมชาติที่คนทำต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นอยู่ตลอดเวลา  

เชื่อว่าชีวิตในปี 2023 ที่โลกหมุนไว ทุกคนแข่งกันเร็วอยู่ตลอดเวลา ได้นำมาซึ่งความเหนื่อยล้าให้กับใครหลายคน การลองทำสวนเป็นวิธีบาลานซ์ชีวิตที่ดีไม่น้อย อาจจะลองเริ่มต้นวางไอเดียแบบที่ง่ายที่สุดโดยการหาไอเดียแต่งสวนจาก Pinterest หากระถางเล็ก ๆ สักใบปลูกในบ้านก่อน รดน้ำและให้ความใส่ใจทุกวัน ดูสิว่าเจ้าต้นจิ๋วของเรา จะทำให้เรากลับมามีความสุขกับชีวิตได้ขนาดไหนกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *