คงไม่มีใครคาดคิดว่าอยู่ดี ๆ วันหนึ่งเราต้องหันมาใส่หน้ากากออกจากบ้าน ต้องพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัว รวมถึงต้องล้างมือจนเป็นกิจวัตรเพื่อป้องกันไวรัส Covid-19 การมาของไวรัสร้ายชนิดนี้ ส่งผลให้เราต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ หรือที่เราเรียกจนชินปากไปแล้วว่า New Normal หากจะให้หาข้อดีในวิกฤติครั้งนี้ก็คงพูดได้ว่า ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น มีความระมัดระวังตัวที่จะไม่ให้ติดเชื้อโรคมากขึ้น และสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือ “การล้างมือบ่อย ๆ”
คุณหมอจากหลากหลายสถาบันต่างลงความเห็นตรงกันว่า การล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หรือก่อนที่จะนำมือมาสัมผัสกับตัวเรา จะช่วยลดเปอร์เซ็นต์ที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายซึ่งอาจเป็นต้นตอของการติดไวรัส Covid-19 ได้ในเบื้องต้น และคุณหมอยังแนะนำอีกว่า เวลาที่เราควรจะล้างมือ ได้แก่
- หลังสัมผัสของใช้สาธารณะ เช่น ประตู บันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ ห้องน้ำ เป็นต้น
- หลังกลับจากไปข้างนอกบ้าน / ออฟฟิศ
- หลังการไอ หรือ จาม
- หลังสัมผัสผู้ป่วย หรือ ผู้มีความเสี่ยง
- หลังจากสัมผัสสิ่งสกปรก
- หลังเล่นกับสัตว์เลี้ยง
- ก่อนรับประทานอาหาร
- ก่อนสัมผัสใบหน้า หรือ ร่างกาย
Ref; รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ล้างมืออย่างถูกวิธี ดีอย่างไร ?
แน่นอนว่าการล้างมือบ่อย ๆ จะช่วยลดสิ่งสกปรกออกไปจากมือเราได้ แต่การล้างมืออย่างถูกวิธีต่างหาก ที่จะช่วยขจัดเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายเรา องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การล้างมืออย่างถูกวิธีนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่มีน้ำและสบู่ จากนั้นก็เริ่มล้างโดยการใช้ฝ่ามือถูเข้าหากัน ถูหลังมือและซอกนิ้ว ใช้ฝ่ามือถูหลังนิ้วทำความสะอาดซอกเล็บ ล้างหัวแม่โป้ง ล้างข้อมือ ทั้งหมดนี้ควรใช้เวลาอย่างน้อย 20-30 วินาที หรือหากใครไม่สามารถล้างด้วยน้ำและสบู่ได้ ก็ขอให้พกเจลแอลกอฮอล์ซึ่งมีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% เอาไว้ใช้แทน

“มือ” นับเป็นปราการด่านแรกที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เพราะต้องนำไปสัมผัสสิ่งต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ข้อดีของการล้างมือบ่อย ๆ อย่างถูกวิธี สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้หลายอย่าง ไม่เพียงแค่เชื้อไวรัส Covid-19 ที่เรากลัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไข้หวัด โรคติดต่อจากการสัมผัสสิ่งสกปรก เช่น ตาแดง โรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อหิวาตกโรค ไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น และนอกจากจะเป็นการป้องกันตัวเราเองแล้ว กรณีที่เรามีเชื้อโดยไม่รู้ตัว ยังจะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปสู่คนอื่นอีกด้วย
สามารถดาวน์โหลดเอกสารแนะนำการล้างมืออย่างถูกวิธีจาก WHO ได้ที่นี่ วิธีล้างมืออย่างถูกวิธี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จากการต้องเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือบ่อย ๆ ก็คือ เราจำเป็นต้องสัมผัสกับก๊อกน้ำ แม้จะล้างมือจนสะอาดตามขั้นตอนของ WHO แค่ไหน แต่การต้องเอามือเปิด – ปิดก๊อกน้ำก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า บริเวณที่มีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียสะสมมากที่สุดในห้องน้ำ อยู่ที่วาล์วเปิด – ปิดของก๊อกน้ำถึง 127,000 ตัว ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งมากกว่าบริเวณโถสุขภัณฑ์และประตูห้องน้ำเสียอีก และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเปลี่ยนจากก๊อกน้ำธรรมดา มาเป็นก๊อกน้ำอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส ตามท้องตลาดในปัจจุบัน ได้มีการคิดค้นหัวก๊อกน้ำอัตโนมัติที่สามารถเปลี่ยนใช้งานได้เองอยู่มากมายเลยค่ะ
หัวก๊อกน้ำอัตโนมัติเลี่ยงสัมผัส
เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านส่วนใหญ่คงใช้งานก๊อกน้ำแบบใช้วาล์วเปิด-ปิด และหากจะเปลี่ยนมาใช้ก๊อกน้ำอัตโนมัติ ก็อาจกังวลว่าจะติดตั้งยากหรือเปล่า ต้องรื้อระบบน้ำทั้งระบบเลยหรือไม่ หากเป็นแบบนั้นก็คงดูไม่คุ้มค่าเท่าไร แต่ที่จริงแล้ว การติดตั้งก๊อกน้ำอัตโนมัติไม่ได้ยากอย่างที่คิด และบางชนิดสามารถเปลี่ยนได้เองที่บ้านโดยไม่ต้องง้อช่าง
โดยทั่วไปแล้วก๊อกน้ำอัตโนมัติที่สามารถเปลี่ยนมาใช้งานได้มี 2 รูปแบบ

- ตัวก๊อกน้ำระบบไร้สัมผัส (Touchless Faucets) ลักษณะเหมือนก๊อกน้ำทั่วไป เปลี่ยนจากวาล์วหมุนด้วยมือเป็นเซ็นเซอร์ระบบอัตโนมัติในตัว

- หัวก๊อกน้ำ (Touchless Faucets Adapter) อะแดปเตอร์หัวก๊อกน้ำระบบอัตโนมัติ สำหรับเปลี่ยนก๊อกน้ำธรรมดาให้เป็นระบบไร้สัมผัส
แบบแรกเป็นการเปลี่ยนก๊อกน้ำทั้งชิ้น และอาจต้องมีการติดตั้งกล่องควบคุมสำหรับจ่ายน้ำเพิ่มเติม แต่หากใครต้องการวิธีที่ง่ายกว่านั้น สามารถใช้หัวก๊อกน้ำอัตโนมัติแบบที่ 2 มาเปลี่ยนได้เลย เพียงแค่ถอดส่วนหัวของก๊อกเดิมออก ใส่ตัวแปลงและซีลยางเข้าไป จากนั้นใส่หัวก๊อกอัตโนมัติเข้าไปแทน เท่านี้เราก็จะมีก๊อกน้ำระบบไร้สัมผัสมาไว้ใช้งานได้ง่าย ๆ แล้ว
แต่เราก็ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหากจะเปลี่ยนไปใช้หัวก๊อกน้ำอัตโนมัติเหมือนกัน เช่น
- ประเภทของก๊อกเดิม : ควรคำนึงถึงขนาดของปากก๊อกเดิมและปากก๊อกอัตโนมัติด้วยว่าสามารถใส่เข้ากันได้หรือไม่
- ความสูงของก๊อกเดิม : ตัวก๊อกเดิมควรมีความสูงที่เหมาะกับการใช้งานกับหัวก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ
- ระยะเวลาของแบตเตอรี่ : หัวก๊อกอัตโนมัติทำงานด้วยแบตเตอรี่ซึ่งเมื่อใช้งานไประยะหนึ่งก็ต้องมีการชาร์จแบตเตอรี่
- ระบบเซ็นเซอร์ที่ตอบโจทย์ : ควรมีฟังก์ชันที่ครอบคลุมให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ เช่น การล้างจานในห้องครัว อาจต้องใช้ระยะเวลาเปิดน้ำนาน ดังนั้นควรเลือกหัวก๊อกน้ำที่มีเซ็นเซอร์สำหรับเปิดน้ำค้างไว้ได้นาน ๆ ขณะเดียวกัน การล้างมือในห้องน้ำอาจใช้เวลาเปิดน้ำน้อยกว่า ดังนั้นควรมีฟังก์ชันที่เปิด-ปิดน้ำได้รวดเร็วทั้งก่อนและหลังการใช้งาน
- วัสดุ : ควรคำนึงให้ดีว่าวัสดุของหัวก๊อกน้ำนั้น ๆ ที่เราต้องการนำมาติดตั้ง มีความคงทน และป้องกันการเกิดสนิมได้ดีหรือไม่ อีกทั้งตัวเซ็นเซอร์ก็ต้องใช้วัสดุที่ทนน้ำได้ดี เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาว ๆ
ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้หัวก๊อกน้ำระบบอัตโนมัตินั้นมีหลายอย่าง
- ช่วยลดการสัมผัส : การดัดแปลงก๊อกน้ำแบบเดิมให้เป็นก๊อกน้ำระบบอัตโนมัติจะช่วยลดการสัมผัสได้ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า บริเวณมือจับก๊อกน้ำเป็นที่ที่มีแบคทีเรียสะสมอยู่มากที่สุด ในยุค New Normal ที่ต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ อย่างนี้ หัวก๊อกน้ำอัตโนมัติจึงตอบโจทย์ได้อย่างดี โดยก๊อกน้ำอัตโนมัติสามารถลดการสะสมของแบคทีเรียได้มากถึง 98%
- ประหยัดน้ำ : การใช้ก๊อกน้ำแบบใช้มือหมุนเปิด – ปิด มักจะมาพร้อมกับปัญหาการลืมปิดน้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก ขณะที่ระบบอัตโนมัติจะเปิดน้ำก็ต่อเมื่อเรานำมือเข้าไปใกล้กับเซ็นเซอร์ และจะปิดให้โดยอัตโนมัติหากไม่มีการใช้งาน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็กที่มักลืมปิดก๊อกน้ำบ่อย ๆ อีกทั้งก๊อกน้ำอัตโนมัติหลาย ๆ แบรนด์ยังมีระบบควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลออกมาอย่างพอดี ไม่เบาเกินไป และไม่แรงเกินไป ทำให้ช่วยประหยัดน้ำได้อย่างดี อย่างเช่น หัวก๊อกอัตโนมัติ ของ KUDOS มีระบบ Water Saving Nozzle ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และควบคุมน้ำให้ไหลแรง แต่นุ่มละมุน
- ดูแลง่าย : ปัญหาของก๊อกน้ำธรรมดา เมื่อใช้นานวันเข้า ความใหม่ หรือความมันวาวจะลดน้อยลง เนื่องจากต้องเจอคราบน้ำกระเซ็นใส่ และมีการสัมผัสอยู่ตลอดเวลา แต่ก๊อกน้ำอัตโนมัติจะช่วยลดความยุ่งยากในการรักษาความเงางามลงไปได้ เพราะมีการสัมผัสน้อย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนมาใช้ก๊อกน้ำระบบอัตโนมัติก็ยังต้องการการดูแลรักษาเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับก๊อกน้ำธรรมดา
- ปัญหาน้ำรั่วซึม : ก๊อกน้ำอัตโนมัติก็อาจเกิดกรณีที่มีน้ำซึมจากหัวก๊อกได้เหมือนก๊อกน้ำทั่วไป ดังนั้นควรหมั่นตรวจดูซีลยางว่ายังมีประสิทธิภาพดีอยู่หรือไม่
- ปัญหาน้ำไหลเองหรือน้ำไม่ไหล : ในกรณีน้ำไหลเองหรือน้ำไม่ไหลของก๊อกน้ำอัตโนมัติทั่ว ๆ ไป มักเกิดจากมีสิ่งกีดขวางบดบังเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะคราบน้ำที่อาจติดอยู่บนตัวจับความเคลื่อนไหว เราจึงต้องหมั่นใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดอยู่เสมอ สำหรับการทำความสะอาดเซ็นเซอร์ ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนมาทำความสะอาด เพราะอาจทำลายผิวของเซ็นเซอร์จนอาจทำให้การใช้งานผิดเพี้ยนไปได้
- แบตเตอรี่ : ควรหมั่นชาร์จแบตตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมไว

การล้างมือบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยลดการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัส Covid-19 แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสัมผัสก๊อกน้ำซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียอันดับหนึ่ง ดังนั้น การหันมาใช้หัวก๊อกน้ำอัตโนมัติ จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่จะขจัดปัญหาเหล่านั้นให้พ้นไป การล้างมืออย่างถูกวิธีก็นับว่าดีมากแล้ว แต่การเลือกใช้ก๊อกน้ำอัตโนมัติที่มีคุณภาพดี และตอบโจทย์ได้ทุกฟังก์ชันการใช้งานนั้นจะยิ่งช่วยรักษาสุขอนามัยและเพิ่มความสะดวกสบายของเราได้มากยิ่งขึ้นไปอีก.